ชิงมรดกร้อยล้านหรือไร
ชิงมรดกร้อยล้านหรือไร ความอิจฉาต่างจากความริษยาต่างเห็นได้ชัด เพราแท้จริงแล้วคำสองคำนี้ก็มีส่วนแตกต่างกันอย่างมากมาย เฉกเช่นว่าความอิจฉาแท้จริงคือสิ่งที่เป็นเหมือนไฟที่จุดประกายความคิด จุดประกายความทะเยอทะยานให้กับชีวิตของคนเราอยู่ตลอด
เมื่อใดที่เรานั้นได้มองเห็นจุดที่มีใครยืนอยู่สองกว่าและเราเองก็อยากขึ้นไปยืนอยู่ในระดับเดียวกันให้ได้นั้น และต้องการที่จะแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ตนได้พิชิตความต้องการนี้ได้นั้นเรียกได้ว่าเป็นความอิจฉาประเภทหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นความรู้สึกที่ดูร้ายกาจอะไร บางคนกลับคิดว่านี่เป็นความรู้สึกที่ช่วยให้มนุษย์ได้พัฒนาศักยภาพของตนเองด้วยเสียอีก เพราะการที่เรา อยากเป็นคนที่ดีขึ้น เก่งขึ้น มีชื่อเสียงมากขึ้น
ก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลให้สังคมโลกของเราพัฒนาไปได้ก้าวไกลมากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่า แต่ทว่าหากกล่าวถึงความริษยาแล้วนั้นก็คงจะเหมือนเป็นไฟที่เผาผลาญจิตใจของคนที่มีจิตคิดถึงสิ่งนี้ได้ เพราะความริษยานั้นไม่ใช่เพียงว่าเราอยากจะมีเหมือนอย่างที่คนอื่นอยากจะมี เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ว่าไม่ต้องการให้คนอื่นได้ยืนอยู่ในจุดที่เขาคนนั้นได้มีความสุขอีกด้วย
เรียกง่ายๆว่า ถ้าฉันไม่ได้มีความสำเร็จเธอก็อย่าหวังว่าจะได้ ถึงขนาดนั้นกันเลย ดูแล้วไฟนี้จะร้ายกาจมาก แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับความเป็นมนุษย์มาอย่างยาวนาน และเราก็มีโอกาสได้เห็นความวินาศจากสิ่งนี้มานักต่อนักแล้วล่ะ ไม่ว่าจะการล่มสลายของอาณาจักรโบราณต่างๆที่เคยเจริญรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่สักเพียงใดก็ตาม ก็ย่อมจะต้องตกไปเพราะความริษยากันเองของคนในอาณาจักรนั้นๆ
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับเรื่องราวในตระกูลของฉัน ที่ฉันเองก็รู้สึกว่ามันเกิดขึ้นมาอย่างยาวนานมันไม่ได้เป็นการกีดกันกันอย่างดุเดือดแต่มันเหมือนสงครามประสาทเสียมากกว่า ภาพต่างๆมันสะท้อนเข้ามาในจิตใจของฉันตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นเด็ก ภาพความทรงจำต่างๆที่จารึกลงความรู้สึก
ไม่มีทางที่จะสามารถลบเลือนหรือจางหายไปไหนได้เลย ตระกูลของฉันไม่ใช่ตระกูลที่ร่ำรวยอะไร พวกเราเป็นเพียงพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นชนชั้นกลาง ซึ่งก็ไม่ได้มีเงินทองใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอย่างไร แต่ก็ไม่ได้ขัดสนยากจนนัก จะมีก็แค่ญาติผู้ใหญ่บางคนที่โชคดีได้มีโอกาสเจริญเติบโตด้านธุรกิจจนสามารถมีเงินทองหลายร้อยล้านได้ในเวลาไม่นานนัก
เมื่อคนเราเห็นตัวเงินพวกคนอื่นๆก็ต่างพาตัวเองเข้าไปใกล้กับเจ้าของเงิน พยายามเอาของของตัวเองไปให้ พยายามพูดจาเอาอกเอาใจเพื่อหวังเอาเงินทองจากญาติคนนี้ ขอเรียกเขาว่า พี่จอมขวัญ ก็แล้วกัน เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง
แม่ของเธอนั้นทิ้งเธอเอาไว้ให้ยายได้เลี้ยงดูตั้งแต่ยังเป็นทารกและตัวเองก็ได้เดินทางตามสามีชาวต่างชาติเพื่อไปตั้งครอบครัวใหม่ที่ประเทศออสเตรียซึ่งเธอก็ไม่ได้บอกกับสามีมาก่อนว่าตนเองนั้นได้มีลูกสาวอยู่แล้วคนหนึ่ง ส่วนแม่ของฉันที่เป็นน้าสาวของพี่จอมขวัญก็เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก
แต่จากที่มีโอกาสได้ฟังเรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูเหมือนว่าจะไม่ลงรอยกันเสียเท่าไร เพราะว่าตอนนั้นแม่ของฉันนั้นก็ยังเป็นเด็กก็เลยมีเรื่องบาดหมางกันกับพี่จอมขวัญ ได้ยินว่าพี่จอมขวัญแค้นใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว และนั่นทำให้แม่ของฉันไม่ค่อยจะได้รับความช่วยเหลืออะไรกับใครเขาสักเท่าไร เอาตามความเป็นจริงตัวฉันนั้นก็เป็นลูก
หากพูดอะไรไปก็จะดูเหมือนว่าเป็นการเข้าข้างแม่ของตนเองไป แต่ฉันก็รู้สึกว่าการอยู่ในครอบครัวเดียวกันนับเป็นเรื่องยากที่จะไม่มีเรื่องผิดใจกันเลย ซึ่งเรื่องนี้ฉันก็คงไม่ขอออกความคิดเห็นใดๆเพิ่มเติม เมื่ออายุครบ 20 ปี พี่จอมขวัญก็ได้เดินทางไปอยู่กับแม่ของเธอที่ประเทศออสเตรีย และได้มีโอกาสเรียนหนังสือต่อเป็นการเรียนภาคค่ำ และเธอก็ทำงานร้านอาหารไปด้วย
ด้วยความที่เธอนั้นเป็นคนขยันมาโดยตลอดทำให้เธอได้มีโอกาสเรียนรู้งานและได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากเจ้าของร้านเป็นอย่างมาก ในเวลาไม่กี่ปีพี่จอมขวัญสามารถเก็บเงินและเปิดร้านอาหารของตนเองได้สำเร็จ ทำให้เธอมีรายรับเป็นจำนวนมหาศาลเลยทีเดียว
ฉันขอคารวะความมานะอุตสาหะของเธอตรงนี้จริงๆเพราะมันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งเหลือเกินสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆกับการใช้ชีวิตในต่างแดนแบบนั้น เมื่อเธอประสบความสำเร็จในเรื่องการงานแล้วนั้นก็ไม่ลืมที่จะหันมาช่วยเหลือญาติพี่น้องของเธอทุกคนที่อยู่ที่นี่ ซึ่งพวกเราบางคนก็มีฐานะลำบาก
แต่เรื่องที่เห็นได้ชัดมากคือการเรื่องกีดกัน ชิงดีชิงเด่นกันสุดฤทธิ์ แม้ตอนนั้นฉันจะอายุได้เพียง 16 ปี แต่ฉันก็ดูออกว่าอะไรเป็นอะไร มันเป็นเรื่องที่น่าละอายใจ เพราะแทนที่พวกเราตระกูลเดียวกันจะช่วยกันออกหัวคิดว่าจะนำเงินนั้นมาใช้ประโยชน์สูงสุดได้อย่างไรกลับคิดว่า
ทำอย่างไรให้ตัวเองดูน่าเวทนาและน่าช่วยเหลือมากที่สุดแทน ซึ่งฉันว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำเลยแม้แต่น้อย แต่บางคนกลับบอกว่าท่าทีของฉันนั้นเหมือนกับคนหยิ่งทะนงพี่จอมขวัญถึงไม่ให้การช่วยเหลือใดๆเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ฉันจะเรียนดีเด่นถึงขึ้นได้อันดับที่1 ของโรงเรียนมาตลอดตั้งแต่ ป.1-ม.6 ก็ตามแต่ พี่จอมขวัญก็ไม่เคยให้ทุนการศึกษาฉันเลยสักครั้ง
มีแต่จะช่วยลูกพี่ลูกน้องของฉันอีกคนเสียมากกว่า ฉันก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรนี่ เพราะฉันก็ทำเรื่องขอทุนที่โรงเรียนได้อย่างไม่มีปัญหาติดขัดอะไรแม้แต่น้อย และแน่นอนว่าฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องเสียใจที่เธอเลือกช่วยเหลือทุกคนและไม่ช่วยเหลือฉัน เพราะฉันถือคติว่าการเป็นผู้ให้ย่อมมีความสุขมากกว่าการเป็นผู้รับ
การที่เรายืนหยัดได้ด้วยตนเองนับเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจยิ่งกว่า แต่ไม่ใช่ว่าฉันจะแข็งแกร่งได้ตลอดเวลาหรอกนะ แน่นอนว่าเวลาที่เราทำอะไรยากๆเรามักจะเหนื่อยและท้อเป็นเรื่องธรรมดา แต่เราก็ต้องยึดมั่นเอาไว้ว่า อย่างน้อยเราก็ได้เข้มแข็งและวันที่เราไม่มีคนที่คอยช่วยเหลือแล้ว อย่างไรเราก็สามารถยืนอยู่ได้ด้วยลำแข้งของเราเอง