ทีมชาติอังกฤษ ต้องรู้สึกผิดหวัง เมื่อโปรแลนด์สามารถตีเสมอได้ในนาทีสุดท้าย
ทีมชาติอังกฤษ แกเร็ธ เซาธ์เกตโค๊ชทางฝั่งทีมชาติอังกฤษ รู้สึกหงุดหงิดมากๆที่ทีมของตนโดนโปแลนด์ ไล่ตีเสมอ 1 ประตูต่อ 1 ไปได้ในช่วงนาทีสุดท้ายของเกม แต่ก็โทษใครไม่ได้เพราะ “สิงโตคำราม” เล่นเกมรุกได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก โดยผู้จัดการทีมชาติอังกฤษได้บอกกับสื่อว่า ตนและนักเตะในทีมทุกคนรู้สึกผิดหวังมากๆ ที่เสียประตูช่วงนาทีสุดท้ายของเกมไปให้โปรแลนด์ ทำให้ทีมอังกฤษอดคว้าชัยชนะในการแข่งขันครั้งนี้ แถมยังทำให้โปแลนด์บุกไปเสมอ 1 ประตูต่อ 1 ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนยุโรปกลุ่ม I เมื่อวันพุธที่ 8 กันยายนที่พึ่งผ่านมาได้สำเร็จ
หลังจากที่การแข่งขันในครึ่งแรกจบปด้วยแต้ม 0 ประตูต่อ 0 ทีมอังกฤษก็สามารถกลับมาแก้มือได้ดี ในช่วงครึ่งหลังของเกมการแข่งขัน และได้ทำประตูนำขึ้นไปเป็น 1 ประตูต่อ 0 ในนาทีที่ 70 จากการยิงลูกในระยะไกลที่แสนสวยแฮร์รี่ เคน ซึ่งจริงๆนั้น ทาง “สิงโตคำราม” ก็กำลังจะเก็บแต้มสะสมสามแต้มได้แล้ว แต่กลับต้องตกใจเมื่อในนาทีการแข่งขี้นช่วง 92 นาทีนั้น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ก้สามารถเปิดบอลเข้ากลาง เพื่อส่งให้ดาเมี่ยน ซีมานสกี้ ทำการโขกลูกและเข้าประตู ทำให้ทางโปแลนด์สามารถทำแต้มได้สำเร็จ
คำพูดที่แกเร็ธ เซาธ์เกตได้พูดกับสื่อนั้น เขากล่าวว่าเขาไม่แปลกใจเลย ที่แฟนบอลจะบอกว่าเกมการแข่งขันในรอบนี้ ถือว่าเป็นเกมที่เล่นยากที่สุดของกลุ่ม ทั้งที่ในช่วงครึ่งหลังของเกม นักเตะ ทีมชาติอังกฤษ 2021 ได้วางเกมได้อย่างสวยงาม แต่ก็ยังไม่ดีมากพอสร้างโอกาสชนะได้ ทั้งๆที่สามารถครองบอลมาได้เป็นส่วนใหญ่ เพราะอีกทีมแทบจะไม่ได้บอลเลยด้วยซ้ำ
และเขายังพูดเสริมไปอีกว่า ทั้งตัวเข้าเองและทางตัวนักเตะทุกคนในทีม ก็รู้สึกผิดหวังกันเป็นอย่างมาก ที่ดันมาเสียประตูในช่วงท้ายของเกม แถมยังไม่สามารถเก็บสามแต้มมาได้ แต่ก็ถือว่าเป็นบทเรียนให้กับนักฟุตบอล ว่าการแข่งขันที่ไม่มีสมาธิ และการเล่นเกมรับแบบแย่ๆ ไม่ค่อยสนใจเกมที่เล่นเท่าที่ควร ก็มักจะโดนลงโทษแบบนี้แหละ แต่ผมก็ไม่ได้โทษพวกเขาทั้งหมด เพราะผมก็ต้องดูผลงานก่อนหน้านี้ และสิ่งที่ลูกทีมได้ทำมาตลอดในการเล่นสามนัดด้วย ซึ่งพวกเขาก็ทำได้ดีอย่างมากแล้ว
แต่ถึงอย่างไรก็ตามแม้ว่า ทีมชาติอังกฤษ 2020 จะไม่ได้รับชัยชนะในการแข่งขันครั้งนี้ แต่ก็ยังสามารถรักษาตำแหน่งจ่าฝูงของกลุ่ม I ไว้ได้ โดยทีมมีแต้มสะสมทั้งหมด 16 แต้ม จากการที่ได้ลงแข่งขันไปทั้งหมด 6 นัด แถมยังสามารถนำแอลเบเนีย ที่ตอนนี้ขึ้นมาเป็นอันดับสอง แต่ทำแต้มไปได้แค่ 4 แต้มเท่านั้น
เลวาน ดอฟสกี้ ห้ามแฟนบอลของโปแลนด์ ไม่ให้โห่ใส่ทีมชาติอังกฤษ
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ นักเตะซูเปอร์สตาร์ของทีมชาติโปแลนด์ รู้สึกไม่ชอบกับการกระทำของแฟนๆโปแลนด์ ที่ได้ทำการโห่ใส่นักเตะทีมชาติอังฤษ จนเขาต้องทำการเตือนสติคนกลุ่มนั้น ซึ่งสาเหตุที่กองเชียร์กลุ่มดังกล่าวโห่ใส่ ทางขุนพลสิงโตคำรามนั้นก็เพราะ พวกเขาได้นั่งคุกเข่าเพื่อแสดงออก เกี่ยวกับการต่อต้านการเหยียดผิวและแบ่งแยกกลุ่มคนทุกรูปแบบ ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
นักฟุตบอลเลวานดอฟสกี้ ผู้เป็นกัปตันทีมของทีมชาติโปแลนด์ เขาออกมาบอกกับแฟนคลับของทีมโปแลนด์ ว่าให้หยุดทำการกระทำที่ไม่ดีใส่ทีมชาติอังกฤษ ในช่วงก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ในรอบคัดเลือก ทางฝั่งโซนยุโรปกลุ่ม I ในรอบการแข่งขันที่ทั้ง 2 ทีม แข่งเสมอกัน 1 ประตูต่อ 1 ที่ Warszawa ในวันพุธที่ 8 กันยายน ที่พึ่งผ่านมา
ในช่วงระยะหลังมานี้ทางทีมอังกฤษ จะทำการรณรงค์โดยการนั่งชันเข่า ในช่วงแรกก่อนเกมการแข่งขัน เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต่อต้านการเหยียดผิว เหยียดเพศ และการเหยียดชาติพันธุ์ทุกอย่าง หลังจากที่มันเหตุแบบนั้นขึ้นบ่อยมาก ทั้งจากการกระทำของแฟนบอล ทีมชาติอังกฤษ เบอร์เสื้อ 2021 และแฟนคลับจากทีมชาติอื่นๆ แต่ก็ทำให้แฟนบอลของทีมอื่นๆบางคน มองว่า นักเตะอังกฤษ อาจทำเอากระแส เพราะจริงๆแล้วพวกเขาจำเป็นต้องทำแบบนั้น ไม่เห็นจะต้องแสดงออกเชิงสัญลักษณ์แบบนี้ก็ได้ จนทำให้แฟนบอลบางกลุ่ม ได้โห่ร้องใส่พวกเขา ซึ่งในเกมที่แข่งกับฮังการี ในวันที่ 2 กันยายน ที่พึ่งผ่านมาพวกเขาก็โดนโห่แบบนี้เช่นกัน
ในรอบที่อังกฤษทำการแข่งขันกับโปแลนด์ และก็มีแฟนคลับบางคน ได้ตะโกนใส่นักเตะ ทีมชาติอังกฤษล่าสุด โดยทำนิสัยไม่ดี ตอนที่พวกเขาได้แสดงออกเกี่ยวกับการรณรงค์แต่ เลวานดอฟสกี้ไม่เขารู้สึกไม่ชอบพฤติกรรมของคนกลุ่มดังกล่าวมากๆ เขาเลยชี้ไปที่ตราคำขวัญของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป ที่ได้มีการเขียนว่า “Respect” ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “การให้ความเคารพกัน” เพื่อเป็นการบอกคนเหล่านั้น ว่าต้องให้ความเคารพกับทุกคนด้วย
เวนเกอร์ ยังยืนยันและขอเสนอ แผนจัดบอลโลกทุก2ปี
อาร์แซน เวนเกอร์ โค๊ชคนเก่าผู้เป็นตำนานของอาร์เซน่อล ได้ยื่นขอเสนอแผนงานที่เขาได้คิดขึ้น เกี่ยวกับการเปลี่ยนรูปแบบของการแข่งขันฟุตบอลโลก ให้ปรับเปลี่ยนมาเป็นจัดการแข่งขันทุกๆ 2 ปีอย่างเป็นทางการ
โดยเวนเกอร์ได้บอกความคิดของเขา ที่อยากจะให้ฟุตบอลระดับโลก จากเดินที่แข่งขันกัน 1 ปีแล้วเว้นไปอีก 4 ปี เขาอยากให้ปรับมาเว้นช่วงแค่ 2 ปี ต่อการแข่งขัน 1 ครั้ง ซึ่งมันก็มีบางฝ่ายที่เขารู้สึกคัดค้านกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะสโมสรฝั่งของทางทวีปยุโรป แต่ถึงจะมีคนค้านมากมายแค่ไหน เขาก็ไม่ล้มเลิกความคิดของตัวเองง่ายๆ โดยเขาได้หาแนวร่วมเป็นอดีตยอดนักเตะหลายคน มาเพื่อช่วยผลักดันแผนการความคิดของเขา ให้มันเป็นไปได้จริงด้วย อย่างเช่น โรนัลโด้, ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล, ไมเคิ่ล โอเว่น และ จอห์น เทอร์รี่ เป็นต้น
เขาได้บอกกับสื่อว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆในตอนนี้ ก็คือตั้งแต่ต้นปี 2025 – 26 ไปนั้น จะมีทีมฟุตบอลที่เข้าแข่งขันถึง 48 ทีม ที่จะมาลงแข่งฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยจะมีทีมจากทวีปแอฟริกามาเพิ่มจาก 5 ทีม เพิ่มขึ้นมาเป็น 9 ทีม และหวังว่าการแข่งฟุตบอลโลก ที่จัดขึ้นจะทำให้ประเทศต่างๆ มีโอกาสได้เข้าร่วมทัวร์นาเมนท์ระดับนี้มากขึ้นตามไปด้วย
และเขาก็ได้บอกอีกว่านักเตะซูเปอร์สตาร์หลายๆคน ก็อยากจะลงแข่งขันในเกมใหญ่ๆแบบนี้ อีกทั้งนักเตะทุกคนก็มีความฝันกันทั้งนั้น ว่าที่จะได้ลงเล่นในรายการใหญ่ๆดีๆ ซึ่งเขาก็ได้ย้ำว่าการที่ต้องเดินทางบ่อยๆ ในปฏิทินการแข่งขันในปัจจุบันถือว่าเป็นผลเสียกับนักเตะ มากกว่าเรื่องจำนวนเกมที่ต้องลงเล่นซะอีก
เขาบอกว่าทางเราตัดสินใจมาดีแล้ว ที่จะเปลี่ยนปฏิทินการแข่งขันของเกมฟุตบอลระดับทีมชาติ เมื่อมีการทำการตกลงในประเด็นนั้นเสร็จสิ้นแล้ว หลังจากนั้นก็จะมาพิจารณาการแข่งขันชิงแชมป์ ของรายการสโมสรโลกกันต่อ และก็ต้องมาพิจารณากันต่อว่า จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ เพราะเขาอยากมอบความเรียบง่ายให้กับแฟนบอล และก็ได้มีคนชี้นำมาว่าให้สร้างโปรแกรมการแข่งขัน ที่จะทำให้ฟุตบอลมันดีขึ้น
และสำหรับความคิดของเวนเกอร์ ไม่ใช่แค่การปรับรูปแบบของฟุตบอลโลก แต่เขายังบอกอีกว่าเขาจะยังให้ความสนใจ โรงเรียนบ้านหนองปรือ กับเกมในระดับสโมสรเหมือนเดิม โดยจะแบ่งเกมระดับสโมสร 80 เปอร์เซ็นต์ และเกมระดับทีมชาติ 20 เปอร์เซ็นต์
สรุปแผนงานของ เวนเกอร์
- จัดการปรับเปลี่ยนให้การแข่งนั้น มีการจัดการแข่งบอลจากสี่ปีมีหนึ่งครั้ง มาเป็นจัดขึ้นในทุกๆสองปี เพื่อที่จะให้มีการแข่งขันที่ได้คุณภาพ และจัดขึ้นบ่อยกว่าเดิม
- ตารางการแข่งขัน FIFA World Cup ทั้งหมด จะมีการแก้ไขให้ช่วงพักของทีมชาติ มีเพียงครั้งเดียวในเกมการแข่งขันหนึ่งครั้ง หรือก็คือจะแข่งรอบคัดเลือกให้จบแบบทีเดียวไปเลย โดยจะเตะกันในช่วงเดือนตุลาคม แล้วจากนั้นก็เตะรอบสุดท้ายกันในช่วงเดือนมิถุนายน
- การปรับเปลี่ยนของเขาจะส่งผลให้นักเตะ ได้แข่งขันฟุตบอลที่มีความหมายมากกว่าเดิม ซึ่งจำนวนนัดที่แข่งก็จะลดน้อยลงด้วย ทำให้นักบอลเดินทางน้อยลงเช่นกัน
- การแข่งขันในระดับสโมสรนั้น จะยังมีความสำคัญกับเขาและทุกคนเหมือนเดิม โดยเขาจะแบ่งความสำคัญเป็นเปอร์เซ็นต์ ให้สโมสร 80 เปอร์เซ็นต์ และทีมชาติ 20 เปอร์เซ็นต์
- จะมีการจัดทัวร์นาเมนท์ในระดับทีมชาติ โดยจะเป็นรายการที่มีรูปแบบใหญ่โต ที่จะจัดขึ้นในทุกๆช่วงฤดูกาล อย่างเช่นการแข่งฟุตบอลโลกในปี 2026 20270 และ 2028 อีกทั้งรายการการแข่งขันระดับทวีปอย่าง European Football Championship , Copa Amrica ฯลฯ ในปี 2029 เป็นต้น