สตรีตั้งครรภ์ 1. นมวัวเป็นนมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในบรรดานมทุกประเภท และมีให้เลือก 2 ประเภท ได้แก่ นมสด นมพร่องมันเนย นมพร่องมันเนย และหลากหลายรสชาติ มีกรดอะมิโนสูงซึ่งช่วยสร้างเซลล์ของมารดา และทารกในครรภ์ วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยควบคุมความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ วิตามินเอดีต่อการมองเห็น ช่วยสร้างเนื้อเยื่อที่ดี ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน นม 1 แก้ว มีแคลเซียม 240 มก.
2. นมแพะ ไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่มีสารอาหารสูง อาจจะมีรสชาติที่แปลกไปสักหน่อย มี 2 ชนิด คือ นมสดและนมยูเอชที นมแพะมีโปรตีน ไขมัน และแคลอรีสูงกว่านมโคสด เม็ดไขมันมีขนาดเล็กลง มีวิตามินบี 2 สูงกว่าเล็กน้อย นมแพะมีกรดไขมันที่จำเป็น
เช่น กรดไลโนเลอิก กรดอะราคิโดนิก และกรดไขมันสายกลาง มากกว่านมวัว อุดมไปด้วยวิตามินเอที่ร่างกายดูดซึมได้ทันที มีวิตามินบี 2 ซึ่งกระตุ้นการสร้างแอนติบอดี เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันนมแพะ 1 แก้ว มีแคลเซียม 134 มก.
3. นมถั่วเหลือง ได้มาจากการบดถั่วเหลืองแช่น้ำ มีให้เลือกทั้งแบบไร้ไขมัน ไร้ไขมัน และหลากหลายรสชาติ นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์และแคลเซียม และมีปริมาณโปรตีนใกล้เคียงกับนม ปราศจากคอเลสเตอรอล และเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดีสำหรับทั้งแม่และลูกในท้อง นมถั่วเหลือง 1 ถ้วยมีแคลเซียม 300 มก. ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และไขมันไม่อิ่มตัวในนมถั่วเหลือง อาจช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านมะเร็ง
4. น้ำนมข้าว ซึ่งเกิดจากการผสมข้าวและน้ำแล้วนำมาบด มีแบบพร่องมันเนย มีหลากหลายรสชาติ และมีแคลเซียมหรือโปรตีนหลายชนิด น้ำนมข้าวมีคาร์โบไฮเดรตมากกว่านมถึง 4 เท่า ซึ่งไม่ดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน น้ำนมข้าวมีวิตามินบีสูง และมีไขมันต่ำโปรตีนต่ำที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระแคลเซียม น้ำนมข้าว 1 ถ้วย มีแคลเซียม 118 มก.
5. นมอัลมอนด์เป็นทางเลือกที่ดี สำหรับผู้ที่แพ้แลคโตสหรือแพ้ถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ทำจากอัลมอนด์บดและน้ำ ปราศจากคอเลสเตอรอลและไขมันอิ่มตัว นมอัลมอนด์ 1 ถ้วยมีแคลเซียม 197 มก. อุดมไปด้วยไฟเบอร์ กรดโฟลิก วิตามินบีและอี โปรตีน แคลเซียมและธาตุเหล็ก มีคอเลสเตอรอลต่ำและมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของคุณ
ไตรมาส 3 กินอะไรให้ลูกฉลาด เข้าสู่ระยะการตั้งครรภ์7-9 เดือน เรียกได้ว่า นี่คือขั้นสุดท้ายของการตั้งครรภ์ โภชนาการยังคงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคุณแม่ ในท้องเมื่อใกล้คลอด เนื่องจากระยะนี้ลูกน้อย ในครรภ์มีพัฒนาการทางสมองที่รวดเร็วมาก ดังนั้นการรับประทานอาหารของคุณแม่ตั้งครรภ์ในช่วงนี้ ทั้งส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเซลล์ประสาท และต้องคำนึงถึงอาหารที่ช่วยเพิ่มน้ำนมด้วย เพราะคุณแม่หลังคลอด ก็ต้องเตรียมตัวให้นมลูกเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ร่างกายของคุณแม่ยังคงต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น ในช่วงเวลานี้ 300 แคลอรีต่อวัน เทียบเท่ากับอาหารมื้อหลัก 1 มื้อ คุณแม่ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เช่นเดิม แต่เน้นโปรตีนเป็นพิเศษ เนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงที่ร่างกายต้องการโปรตีนในปริมาณสูงสุด แต่คุณควรระวังเรื่องของหวาน เพิ่มน้ำหนักมากเกินไป เพราะอาจเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารรสจัด อาหารปรุงไม่สุก งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีควันบุหรี่
กรดโฟลิกเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการสังเคราะห์ DNA ของเซลล์ เพื่อสร้างอวัยวะของทารกในครรภ์ การได้รับกรดโฟลิกเพียงพอ ช่วยลดความเสี่ยงของความผิดปกติของทารกในครรภ์ โฟเลตพบมากในผักใบเขียว ตับ เมล็ดธัญพืช และอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม พัฒนาการที่คุณแม่สามารถพบได้ในไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ ได้แก่ น้ำหนักขึ้นไม่เกิน 2 กก. ต่อเดือน ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะช่วงคลอด ลูกจะศีรษะต่ำลง เหนื่อยง่าย นอนหลับไม่สนิท ไม่สบายตัวจากมดลูกโต ปวดหลังจากน้ำหนักของทารกในครรภ์ เมื่อ สตรีตั้งครรภ์ ทราบควรไปโรงพยาบาลโดยด่วน และอาการที่สำคัญ ได้แก่ แน่นท้องหรือเจ็บครรภ์ทุก 5-10 นาที มีมูกหรือเลือดสดๆ ออกจากช่องคลอด ปัสสาวะเป็นน้ำใส ๆ รู้สึกบิดตัวน้อยลง ลูกปวดหัว ตาพร่ามัว ปวดท้องส่วนบน
บทความที่น่าสนใจ : ไบนารี่ออปชั่น อธิบายเกี่ยวกับการสร้างรายได้ด้วยไบนารี่ออปชั่นได้เท่าไหร่